ชำแหละโครงสร้างราคาเครื่อง CPAP และปัจจัยที่มีผลต่อราคา

โครงสร้างราคาเครื่อง CPAP

หากท่านกำลังเลือกซื้อเครื่อง CPAP ในท้องตลาด จะพบว่ามีหลายรุ่น หลายราคา อาจทำให้ท่านสับสนและกังวลว่าจะตัดสินใจผิดพลาด วันนี้ผมจะมาชำแหละโครงสร้างราคาของเจ้าเครื่องนี้ให้ท่านอย่างละเอียดครับ

เครื่อง CPAP นั้นมีหลายประเภท และประกอบด้วยอุปกรณ์หลักและอุปกรณ์เสริมต่างๆ ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเชิงลึก ได้จากบทความนี้ครับ => CPAP คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไร?

ถึงตอนนี้ทุกท่านคงรู้จักเจ้าเครื่อง CPAP พอสมควรแล้ว ซึ่งเนื้อหาในส่วนนี้จำเป็นที่ท่านควรจะต้องทราบ เพื่อจะได้เข้าใจมากยิ่งขึ้นในเนื้อหาที่ผมจะพูดถึงต่อไปครับ

ต่อไปผมจะอธิบายว่าราคาของเครื่อง CPAP นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้าง โดยจะเรียงลำดับจากปัจจัยที่มีผลต่อราคามากที่สุดไปน้อยที่สุดครับ

ปัจจัยที่มีผลต่อราคาเครื่อง CPAP

1. ประเภทของเครื่อง CPAP

เครื่อง CPAP สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท เรียงตามลำดับราคาจากน้อยไปมากได้ดังนี้

  • Manual CPAP / Fixed CPAP – เครื่อง CPAP แบบแรงดันคงที่ => มีราคาถูกที่สุด
  • Auto CPAP / APAP –  เครื่อง CPAP แบบปรับแรงดันอัตโนมัติ => มีราคาแพงขึ้นมา
  • Bi-level PAP / BiPAP – เครื่อง PAP แบบแรงดัน 2 ระดับ => มีราคาแพงสุด

คลิกดู ราคาเครื่อง CPAP แต่ละรุ่นได้ที่นี่

CPAP Philips รุ่น DreamStation Auto CPAP พร้อมเครื่องทำความชื้น

ถ้าท่านใช้แรงดัน CPAP ไม่สูงมาก (เกณฑ์ที่บริษัทเราใช้ คือที่ไม่เกิน 8 cmH2O) ก็อาจพิจารณาใช้เป็นเครื่องประเภท Manual CPAP ได้ ซึ่งจะมีราคาถูกที่สุดในทั้งสามประเภท

เครื่อง CPAP ประเภทนี้จะให้แรงดันคงที่ตลอดทั้งคืน ดังนั้นท่านจำเป็นต้องทราบค่าระดับแรงดันที่เหมาะสมในการรักษา ซึ่งท่านจะทราบได้จากการทำ sleep test ที่มีการปรับหาแรงดัน CPAP ในคืนที่ตรวจด้วย (มีการทำ CPAP Titration) ราคาเครื่อง Manual CPAP จะเริ่มต้นที่ประมาณ 20,000 – 35,000 บาท

แต่ถ้าท่านใช้แรงดันรักษาที่สูงขึ้น เช่น มากกว่า 8 cmH2O ขึ้นไป ผมมักจะแนะนำให้ใช้เป็นเครื่อง Auto CPAP เพราะเครื่องจะให้แรงดันที่สูงในช่วงที่จำเป็นเท่านั้น ส่วนช่วงอื่นๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้แรงดันสูง เครื่องก็จะปรับมาที่ระดับแรงดันต่ำๆ ให้ตามความเหมาะสมแบบอัดโนมัติตลอดทั้งคืน

ราคาเครื่อง Auto CPAP จะแพงกว่าแบบ Manual โดยจะมีราคาประมาณ 38,000 – 85,000 บาท ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เสริมที่จะกล่าวถึงต่อไปด้วยครับ

ในบางคนที่มีอาการรุนแรงมาก และต้องใช้แรงดันรักษาที่สูงมาก เช่น 15 – 25 cmH2O แพทย์ก็จะแนะนำให้ใช้เป็น เครื่อง BiPAP (แรงดัน 2 ระดับ) ที่สามารถตั้งค่าให้แรงดันในจังหวะหายใจเข้าเป็นค่าหนึ่ง และแรงดันในจังหวะหายใจออกเป็นอีกค่าหนึ่งที่แตกต่างกันได้

เนื่องจากผู้ที่ต้องการแรงดันลมสูงๆ ในการรักษา จะมีปัญหาอึดอัดมากในจังหวะหายใจออก เพราะต้องหายใจสวนทางกับกระแสลมที่ออกมาจากเครื่อง

ดังนั้นเราก็จะตั้งให้แรงดันตอนหายใจออกเป็นค่าที่ต่ำเพื่อให้หายใจออกได้สะดวกยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น หายใจเข้าแรงดันเป็น 20 cmH2O ส่วนหายใจออกเครื่องจะให้แรงดันที่ 15 cmH2O เป็นต้น

เครื่อง BiPAP จะมีราคาแพงที่สุด โดยเฉพาะเครื่อง Auto BiPAP ที่สามารถปรับหาแรงดันที่เหมาะสมให้ท่านโดยอัตโนมัติ เครื่อง BiPAP จะมีราคาตั้งแต่ 90,000 – 130,000 บาท

คลิกที่นี่เพื่อดู ราคาเครื่อง BiPAP รุ่นต่างๆ ของเราเพื่อเป็นแนวทางครับ

2. อุปกรณ์ต่างๆ

ปัจจัยอีกอันที่มีผลต่อราคาเครื่อง CPAP ก็คืออุปกรณ์เสริมต่างๆ เนื่องจากในการใช้งานเครื่อง CPAP นั้นนอกจากจะต้องมีอุปกรณ์หลักเป็นพื้นฐานแล้ว หลายๆ ท่านจะมีการใช้อุปกรณ์เสริมต่างๆ เพิ่มเติมอีกด้วย ทั้งนี้อาจด้วยเหตุผลเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย หรือบางท่านแพทย์อาจแนะนำให้ใช้เพิ่มด้วย

อุปกรณ์หลัก

คืออุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมี หากขาดอันใดอันหนึ่งไป ท่านก็จะไม่สามารถใช้งานเครื่อง CPAP ได้ ประกอบด้วย

  1. เครื่อง CPAP (CPAP Machine)
  2. หน้ากาก CPAP (CPAP Mask)
  3. ท่ออากาศ (Tube)
  4. สายไฟและอแดปเตอร์ (Power supply)
เครื่อง CPAP คือ เครื่องแก้นอนกรน

อุปกรณ์เสริม

คืออุปกรณ์ที่จะมีหรือไม่ก็ได้ แต่หลายท่านมักใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน ที่นิยมมีดังนี้

  1. เครื่องทำความชื้น (Humidifier)
  2. ท่อร้อน (Heated tube)
  3. กระเป๋าพิเศษสำหรับเดินทาง (Travel case)
  4. สายรัดคาง (Chin strap)
  5. แบตเตอรี่สำรอง (External battery)
  6. เครื่องอบโอโซน (Ozone sterilizer)
  7. อื่นๆ

ถ้าท่านซื้ออุปกรณ์เหล่านี้เพิ่มเติม ก็จะทำให้ราคาเครื่อง CPAP ของท่านสูงขึ้นด้วยครับ ท่านสามารถลองดู ราคาอุปกรณ์เสริม CPAP แบบต่างๆ ของ NK Sleepcare เป็นแนวทางได้ครับ

3. แบรนด์หรือยี่ห้อ

ปัจจัยอีกข้อที่มีผลต่อราคาเครื่องคือแบรนด์หรือยี่ห้อ ถ้าเปรียบเทียบเครื่อง CPAP ประเภทเดียวกันและอุปกรณ์เสริมเหมือนกัน จะพบว่าราคาในแต่ละยี่ห้อก็จะแตกต่างกันออกไปครับ

ถ้าเป็นยี่ห้อที่ผลิตในอเมริกาหรือยุโรป ราคาก็จะสูงกว่ายี่ห้อที่ผลิตในประเทศจีนหรือเอเชีย ปัจจัยข้อนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณภาพ ประสิทธิภาพ และฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ ของเครื่องด้วย

อีกข้อที่ควรสังเกตคือ บางยี่ห้อประเทศที่เป็นเจ้าของแบรนด์กับประเทศที่ผลิตอาจแตกต่างกันได้ เช่น ยี่ห้อของยุโรปแต่ผลิตในจีนเป็นต้น วิธีดูคือให้หงายดูป้ายข้อมูลใต้ท้องเครื่อง ซึ่งจะระบุว่าผลิตที่ไหน เช่น Made in … ครับ

ในเครื่องประเภทเดียวกัน แต่คนละยี่ห้ออาจมีราคาแตกต่างกันได้เป็นหลักหมื่นครับ

4. ประเภทของหน้ากาก

ข้อนี้มีผลกับราคาน้อยที่สุด เนื่องจาก ราคาหน้ากาก CPAP แต่ละประเภท แต่ละรุ่น จะมีราคาแตกต่างกันไม่เกิน 1,000 – 3,000 บาทโดยประมาณ ซึ่งบางบริษัทที่ขายเครื่อง CPAP อาจตั้งราคาเฉพาะตัวเครื่อง ส่วนหน้ากากให้บวกเพิ่มต่างหากแล้วแต่รุ่นที่ต้องการ

ถ้าท่านซื้อเครื่องกับเราปัจจัยข้อนี้จะไม่มีผลกับราคารวม เนื่องจากราคาเครื่องทุกรุ่นของเราเป็นราคาที่รวมหน้ากากแล้ว ซึ่งท่านสามารถเลือกเปลี่ยนเป็นหน้ากากได้ทุกรุ่นโดยไม่ต้องชำระเงินเพิ่มครับ

อ่านเพิ่มเติม: หน้ากากสำหรับเครื่องช่วยหายใจ มีกี่ประเภท?

สรุป

ราคาเครื่อง CPAP อาจแตกต่างกันได้อย่างมากขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ตามที่ผมได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ดังนั้นหากท่านกำลังเลือกหาเครื่อง CPAP และติดปัญหาเรื่องงบประมาณ ท่านอาจพิจารณาปัจจัยต่างๆ เพื่อดูว่าตรงไหนที่มีผลกับราคารวม เพื่อพิจารณาตัดออกหรือเลือกเปลี่ยนเพื่อทำให้ราคาถูกลงได้ครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีและสุขภาพดีขึ้นจากการใช้เครื่องนะครับ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าครับ

New call-to-action
เปรียบเทียบคุณสมบัติ CPAP รุ่นต่างๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *