ข้ามไปที่เนื้อหา
จุดที่เหมือนกัน
- เป็นเครื่องประเภทปรับแรงดันอัตโนมัติทั้งคู่ (Auto CPAP)
- ขนาดและน้ำหนักเท่ากัน
- ให้ค่าแรงดันได้ตั้งแต่ 4-20 CmH2O
- มาพร้อมเครื่องทำความชื้นในตัว (Built-in humidifier)
- ตรวจจับค่าดัชนีการหยุดหายใจขณะหลับ (AHI) ได้เหมือนกัน
จุดที่แตกต่าง
- AirSense มีระบบ Auto Ramp โดยเมื่อเปิดเครื่อง เครื่องจะปล่อยแรงดันลมที่ระดับต่ำๆ ก่อนตามระยะเวลาที่เรากำหนด เช่น 10 นาที เพื่อให้เราเริ่มต้นหลับได้ง่าย และถ้าเครื่องตรวจเจอภาวะหยุดหายใจในช่วงนี้ เครื่องก็จะเพิ่มแรงดันเพื่อรักษาทันที ส่วนใน AirStart เครื่องจะปล่อยแรงดันลมต่ำๆ จนครบระยะเวลาที่เรากำหนดถึงแม้ว่าจะมีภาวะหยุดหายใจเกิดขึ้นก็ตาม
- AirSense มาพร้อมกับท่อควบคุมอุณหภูมิ เพื่อป้องกันการเกิดหยดน้ำในท่อ ส่วน AirStart มาพร้อมกับท่อแบบธรรมดา
- AirSense มาพร้อมระบบ Cellular ในตัว เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานบน Cloud ให้แบบอัตโนมัติ การดาวน์โหลดผลสามารถทำผ่าน Web browser เช่น Chrome ได้เลย โดยไม่ต้องมีเครื่องอยู่ใกล้ๆ ส่วน AirStart จะเก็บข้อมูลบนในตัวเครื่องอย่างเดียว การดาวน์โหลดผลต้องทำผ่าน SD Card เท่านั้น
- AirSense จะตรวจจับภาวะการหายใจที่ผิดปกติขณะหลับได้มากกว่า ได้แก่ AHI, Obstructive Apnea Index, Central Apnea Index, Hypopnea Index และ Cheyne-Stokes Respiratory ส่วน AirStart จะตรวจจับได้เฉพาะค่า AHI เท่านั้น