โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) คืออะไร มีวิธีรักษาอย่างไร?
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease : COPD) คือโรคที่เกิดจากความผิดปกติของปอด ซึ่งเป็นกลุ่มหนึ่งของโรคปอดอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากการที่ปอดได้รับความเสียหายจนก่อให้เกิดปัญหาทางด้านการหายใจ รวมถึงมีอาการโรคถุงลมโป่งพองและหลอดลมอักเสบเรื้อรังร่วมด้วย เช่น ไอมีเสมหะ เหนื่อยหอบ แน่นหน้าอกเป็นต้น
อาการของโรค COPD
อาการของโรคนี้จะรุนแรงขึ้นตามระยะ ซึ่งในระยแรกๆอาจไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยความรุนแรงของอาการนี้ขึ้นอยู่กับความเสียหายของปอด โดยอาการที่พบบ่อย มีดังนี้
- มีอาการไอเรื้อรัง และมีเสมหะ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเช้าหลังตื่นนอน
- มีอาการหอบเหนื่อย เวลาทำกิจวัตรประจำวันโดยเฉพาะเวลาที่ออกแรง
- หายใจได้ลำบาก แน่นหน้าอก และมีเสียงหวีดได้ในลำคอ
- เกิดการติดเชื้อที่ปอดได้บ่อยๆ
- อาการอื่นๆ อาจเกิดขึ้นได้ หากมีอาการรุนแรงมากขึ้น เช่น ไอเป็นเลือด ปากและเล็บเป็นสีม่วง เหนื่อยง่าย น้ำหนักลด แขน ขา หรือข้อเท้าบวม หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป
ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
- ภาวะความดันหลอดเลือดปอดสูง เนื่องจากถุงลมโป่งพองจึงทำให้ความดันเลือดที่ปอดสูงขึ้น
- การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังมีโอกาสเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม และโรคอื่นๆที่เกิดจากการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ทำให้หายใจได้ลำบากและอาจมีเนื้อเยื่อปอดสูญเสียได้
- โรคหัวใจ ผู้ป่วยมีโอกาสเป็นโรคหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
- โรคกระดูกพรุน เนื่องจากได้รับยาคอร์ติโคสเตียรอยด์
- ภาวะโพรงเยื่อหุ้มปอดมีอากาศ หรือปอดแตก เนื่องจากโครงสร้างปอดเสียหาย ทำให้อากาศไหลเข้าสู่ช่องอก
- มะเร็งปอด เนื่องจากมีมีปัจจัยเสี่ยงร่วมกันกับหลายสาเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสูบบุหรี่
- โรคซึมเศร้า เนื่องจากผู้ป่วยไม่สามารถทำกิจกรรมได้ปกติ จนรู้สึกหดหู่ เครียด และเศร้า จนเกิดอารมณ์ทางด้านลบที่ก่อให้เกิดโรคซึมเศร้า
สาเหตุของโรค COPD
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือ COPD นี้ เกิดจากการที่ปอด ทั้งเนื้อปอด หลอดลม และหลอดเลือดปอดเกิดการอักเสบ เนื่องจากได้รับสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองเป็นเวลานาน ทำให้หลอดลมค่อยๆตีบลง หรืออาจอุดกั้นโดยไม่สามารถฟื้นคืนสภาพเดิมได้ ทั้งนี้สาเหตุและความเสี่ยงอาจเกิดได้จาก
- การสูบบุหรี่ หรือแม้แต่ผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่แต่รับควันบุหรี่เป็นจำนวนมาก ซึ่งสาเหตุนี้เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย เนื่องจากควันบุหรี่มีสารเคมีมากกว่า 4000 ชนิดซึ่งทำให้เกิดความระคายเคืองต่อปอดจนนำไปสู่การอักเสบเรื้อรัง
- มลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่นละออง ควันเสีย รวมถึงการหายใจนำสารเคมีเป็นพิษเข้าไปเป็นเวลานาน
- โรคทางพันธุกรรม เช่น โรคที่เกิดจากการขาดอัลฟ่า 1 (Alpha-1-Antitrypsin Deficiency) ซึ่งเป็นเอนไซม์นี้เป็นเอนไซม์ที่ผลิตในตับและส่งไปยังปอดเพื่อป้องกันไม่ให้ปอดถูกทำลาย
- ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ผู้ที่มีอาการหอบหืดแล้วสูบบุหรี่ร่วมด้วย อายุที่มากขึ้นยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น เด็กที่คลอดก่อนกำหนดมีโอกาสเสี่ยงกว่าเด็กทั่วไป
การวินิจฉัยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง COPD
- การตรวจด้วย Spirometry ซึ่งเป็นวิธีในการตรวจวัดปริมาตรของอากาศที่หายใจเข้าและออกจากปอด รวมถึงประสิทธิภาพของปอด โดยวัดค่าปริมาณอากาศที่ผู้ป่วยสามารถหายใจออกใน 1 วินาที (FEV1) เทียบกับค่าปริมาณของอากาศเมื่อหายใจออกทั้งหมด โดยคิดเป็นเปอร์เซนต์ เมื่อนำผลมาพิจารณาประกอบกับอาการของผู้ป่วยก็จะสามารถบอกถึงระดับความรุนแรงของโรคได้ดังนี้
ความรุนแรง | FEV1 % ที่คาดคะเน |
---|---|
เล็กน้อย (GOLD 1) | ≥80 |
ปานกลาง (GOLD 2) | 50–79 |
รุนแรง (GOLD 3) | 30–49 |
รุนแรงมาก (GOLD 4) | <30 หรือความล้มเหลวของระบบทางเดินหายใจ |
- การตรวจภาพรังสีทรวงอก หรือเอกซเรย์ปอด เพื่อแยกโรคที่มีภาวะคล้ายกัน รวมถึงวินิจฉัยการมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆร่วมด้วย
- การตรวจซีที สแกน (CT scan) เพื่อแยกมะเร็งปอด รวมถึงดูการกระจายตัวของโรคถุงลมโป่งพองเพื่อใช้ประกอบกับการรักษาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังด้วยการผ่าตัด
- การตรวจวิเคราะห์แก๊สในเลือดแดง (arterial blood gas) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ตรวจดูประสิทธิภาพของปอดได้ โดยดูจากปริมาณออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์
- การตรวจอื่นๆ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุของอาการบางอย่าง หรือตัดภาวะเจ็บป่วยอื่นๆ
การประเมินระดับความรุนแรงของ COPD
โรค COPD สามารถแบ่งได้เป็น 4 ระดับความรุนแรงดังนี้
ระดับ 1 ไม่รุนแรง
ผู้ป่วยไม่ค่อยแสดงอาการ แต่อาจมีอาการรุนแรงมากขึ้น เช่น ผู้ป่วยมีอาการไอเรื้อรังและมีเสมหะ ซึ่งการรักษาระยะนี้สามารถใช้ยาขยายหลอดลมได้
ระดับ 2 ปานกลาง
ผู้ป่วยเริ่มมีอาการที่เริ่มสังเกตได้ เช่น ไอ มีเสมหะมาก หายใจลำบาก การรักษาระยะนี้ต้องใช้ยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์ยาว
ระดับ 3 รุนแรง
อาการของโรคเกิดได้ถี่มากขึ้น บางครั้งอาจเกิดได้รุนแรงและเฉียบพลัน ทำให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมต่างๆได้ลำบาก
ระดับ 4 รุนแรงมาก
ผู้ป่วยมีอาการที่รุนแรงมากจนไม่สามารถทำให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันได้ รวมถึงอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆด้วย
การรักษาและการป้องกัน
- การเลิกสูบบุหรี่ เนื่องจาก ควันบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง การเลิกบุหรี่จะทำให้การหายใจได้ดีขึ้น และยังส่งผลไม่ให้อาการแย่ลงด้วย
- หลีกเลี่ยงการสูดดมมลพิษทางอากาศทั้งฝุ่นละออง และควันพิษ ที่กระตุ้นอาการให้อาการแย่ลง
- การใช้ยา เพื่อบรรเทาอาการที่เกิดขึ้น ซึ่งการใช้ยาต้องเป็นไปตามระดับความรุนแรงและอาการ โดยกลุ่มยาที่ใช้ในการรักษานี้ได้แก่
- ยาขยายหลอดลม ช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจ ลดอาการไอ หายใจติดขัดซึ่งมี 2 ประเภทคือออกฤทธิ์สั้นและออกฤทธิ์ยาว
- ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ ซึ่งต้องใช้ร่วมกับยาขยายหลอดลมเพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง
- ยาปฏิชีวนะ เพื่อรักษาอาการที่เกิดการติดเชื้อ หรือการกำเริบแบบเฉียบพลัน
- ยาอื่นๆ เช่น ยาทีโอฟิลลีน ซึ่งช่วยให้การหายใจสะดวกมากขึ้นและป้องกันการกำเริบของอาการ
- การใช้เครื่องช่วยหายใจ BiPAP
- การบำบัดด้วยออกซิเจน เช่น ใช้เครื่องผลิตออกซิเจน หรือถังออกซิเจน เพราะผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงจะมีภาวะที่ออกซิเจนไม่เพียงพอ จึงต้องบำบัดด้วยออกซิเจนเพื่อให้มีออกซิเจนเพียงพอซึ่งอาจจะใช้ในระยะเวลาอันสั้น หรือยาว ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ
- การผ่าตัด หากการรักษาด้วยยาไม่ได้ผล จึงต้องทำการผ่าตัดเพื่อลดปริมาตรปอดหรือผ่าตัดเพื่อนำถุงลมโป่งพองขนาดใหญ่ที่กดเนื้อปอดข้างเคียงออกหรือผ่าตัดเพื่อปลูกถ่ายปอด
- การรักษาอื่นๆ เช่น การฟื้นฟูสมรรถภาพปอด เพื่อให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น รวมถึงควบคุมไม่ให้อาการแย่ลงโดยการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
สวัสดีค่ะรบกวนสอบถามค่ะพอดีญาติเป็นโรคนี้ ไอตลอด อยากรู้ว่าสามารภติดต่อเด็กได้หรือไม่ค่ะเพราะลูกชอบไปเล่นกับเขาไอตลอดค่ะ
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ไม่ใช่โรคติดต่อครับ เแต่กิดจากการสูบบุหรี่ มลพิษทางอากาส ฯลฯ ครับ